ReutersReuters

ธปท.เผยเศรษฐกิจ ต.ค.ปรับดีขึ้น, ย้ำลดดบ.สู่ระดับ neutral ไม่ใช่ easing cycle

กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--รอยเตอร์

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผยว่า เศรษฐกิจไทยเดือนต.ค. ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน จากรายรับภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชน ที่ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ซึ่งส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ในประเทศ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวสูง จากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นจากหมวดพลังงานเป็นหลัก จากผลของฐานต่ำในปีก่อน ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัว

ธปท.ระบุในการแถลงข่าวว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนต.ค.เกินดุล 0.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มูลค่าการส่งออกในเดือนต.ค. ขยายตัว 14.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมูลค่าการนำเข้า ขยายตัว 17.1% ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้า 1.4 พันล้านดอลลาร์

ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.8% จากเดือนก่อนหน้า และทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 4.5% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธปท.กล่าวในการแถลงข่าวว่า ในระยะต่อไป กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังมีแรงส่งจากภาคท่องเที่ยวและบริการ ขณะที่การส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมทยอยฟื้นตัว

แต่มีบางอุตสาหกรรมที่ยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้างและการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลให้รายรับธุรกิจและรายได้ครัวเรือนในบางกลุ่มยังเปราะบาง

โดยต้องติดตามความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าของสหรัฐ ที่จะส่งผลต่อการส่งออกและการผลิต ตลอดจนการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

เขากล่าวถึงกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ให้ความเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยสามารถปรับลดลงได้อีกเพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ว่า เป็นมุมมองที่ตรงกับธปท. แต่ต้องรอการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลต่างๆ ที่จะนำมาประเมินร่วมกัน

"ที่คุยกับไอเอ็มเอฟก็มองภาพตรงกัน คือการปรับให้อยู่ในระดับ neutral ที่เหมาะสม เพียงแต่ว่าระดับ neutral มันเป็น range มันไม่ใช่ rate เพราะฉะนั้น มันก็อาจจะเป็นช่วงที่มองต่างกันได้บ้าง" นางสาวชญาวดี กล่าว

การประชุม กนง.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯ มีมติด้วยเสียง 5 ต่อ 2 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลง 0.25% สู่ระดับ 2.25% โดยกรรมการส่วนใหญ่ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง อยู่ในระดับที่ยังเป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจ

กนง.จะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 18 ธ.ค.--จบ--

Login or create a forever free account to read this news

More news from Reuters

More news